หลักสูตรของโครงการมีเนื้อหาอย่างไร |
โครงการบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตสำหรับ CEOs และ CMOs (M.B.A. for CEOs & CMOs) จะมีอยู่ 2 กลุ่มวิชาหรือ 2 สาขาความรู้ ได้แก่ 1) การจัดการ และ 2) การตลาด โดยสาขาการจัดการจะมีเนื้อหาที่เน้นทางการจัดการ โดยจะสร้างให้ผู้เรียน “มีแนวคิดการเป็นผู้บริหาร CEO” ที่สามารถมีวิสัยทัศน์ ในการบริหารหรือประกอบธุรกิจ สามารถกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยการบูรณาการองค์ความรู้ที่เป็นหลักในการจัดการทางธุรกิจ ส่วนสาขาการตลาดจะมีเนื้อหาที่เน้นการตลาด โดยจะสร้างให้ผู้เรียน “เป็นกูรูการตลาด” ที่สามารถจะมองหาโอกาสการทำตลาด สามารถเผชิญหน้ากับคู่แข่งขัน และสามารถเพิ่มยอดขายหรือส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญสำหรับในการบริหารธุรกิจ |
ค่าใช้จ่ายในการศึกษาโครงการนี้เป็นอย่างไร |
นักศึกษาการจัดการ (CEOs) และ การตลาด (CMOs)- ถ้าศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นมีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร (219,000 บาท)- ถ้าศึกษาดูงานภายในประเทศจะมีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร (179,000 บาท) |
ค่าใช้จ่ายในการศึกษาครอบคลุมรายการอะไรบ้าง |
ค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรจะรวมรายการทั้งหมดโดยที่นักศึกษาไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก รายการเหล่านี้ประกอบด้วย1. ค่าตำราหรือเอกสารประกอบการสอนทุกกระบวนวิชา2. ค่าอาหารกลางวัน (เป็นบุฟเฟ่) ค่าขนมและเครื่องดื่มตอนช่วงพัก 2 รอบ3.ค่าเสื้อแจ็คเก๊ตหรือกระเป๋า4. ค่าศึกษาดูงาน |
โครงการนี้มีลักษณะเด่นอย่างไร |
1. โครงการนี้มีจุดเด่นที่ตอบสนองทางวิชาการได้เป็นอย่างดีโดยเน้นการปฏิบัติจริง โดยมีระบบ Chain Line ที่จะส่งเสริมให้นักศึกษาเข้าใจในการบูรณาการทางวิชาการได้อย่างรวดเร็ว (Fast Track) มีการเชิญวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ มีสมาคมบริหารธุรกิจ มหาบัณฑิต ซีอีโอ รามคำแหง ที่นักศึกษารุ่นพี่ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งรวมความรักความสามัคคี และความมีจิตอาสาที่จะทำประโยชน์ให้กับศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าของโครงการ M.B.A. for CEOs & CMOs ตลอดจนทำประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยและสังคมภายนอก2. บรรยากาศในการเรียนจะเต็มไปด้วย "มิตรภาพ" ที่ทางโครงการฯ จะนำเสนอให้กับนักศึกษา "มิตรภาพ" ที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาต่างๆในการเรียน "มิตรภาพ" ที่จะสร้างความอบอุ่นให้กับผู้เรียนโดยสามารถติอต่อกับโครงการได้ตลอดเวลา "มิตรภาพ" ที่จะผ่อนคลายความตึงเครียดที่จะเกิดขึ้นในการเรียน3. โครงการฯ จะสร้างบรรยากาศ "การเรียนรู้ " ในการประยุกต์ใช้ทฤษฎีให้เข้ากับการปฏิบัติทางธุรกิจโดยตรง "การเรียนรู้ " ที่จะสร้างศักยภาพให้กับผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ "การเรียนรู้ " ที่จะใช้การสื่อสารหรือเจรจาภาษาทางธุรกิจได้อย่างดีสามารถจะถ่ายทอดและโต้ตอบปัญหาต่างๆ ทางธุรกิจได้ |
ผู้ที่สนใจเรียนต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง |
เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มีประสบการณ์ในการทำงาน มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้บริหารในธุรกิจหรือหน่วยงานของรัฐ |
ลักษณะการเรียนการสอนเป็นอย่างไร |
การเรียนจะเน้นการประยุกต์ใช้ทฤษฏีให้เข้ากับการดำเนินธุรกิจ และเพื่อเป็นการยืนยันการประยุกต์ใช้ทฤษฏี ทางโครงการฯ จะใช้การสอบที่มีลักษณะของคำถามที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาตอบตามความคิดเห็นของตัวเองโดยอยู่บนองค์ความรู้ทางทฤษฏีที่นักศึกษาสามารถนำมาใช้ในการสอบได้ ซึ่งทางโครงการฯ มีความเชื่อมั่นว่านักศึกษาจะมีความรู้ความสามารถในการนำเอาองค์ความรู้ทางทฤษฏีมาสนับสนุนการตอบของนักศึกษาได้ โดยทางโครงการฯ จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงความสามารถบนความเชื่อมั่นในการวิเคราะห์และใช้ในการตอบของนักศึกษา |
ในหลักสูตรมีวิชาอะไรบ้าง |
ในหลักสูตรจะประกอบไปด้วยวิชาอยู่ 6 ส่วนส่วนที่ 1 หมวดวิชาบังคับ ได้แก่ ความรู้คู่คุณธรรมส่วนที่ 2 หมวดวิชาปรับพื้นฐาน ได้แก่1) เทคนิคการอ่านภาษาอังกฤษธุรกิจ2) การบัญชีการเงินส่วนที่ 3 หมวดวิชาแกนบังคับ ได้แก่1) เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ2) การจัดการและพฤติกรรมองค์การ3) การจัดการการเงิน4) การจัดการการตลาด5) การบัญชีสำหรับผู้บริหาร6) การจัดการการดำเนินงาน7) วิธีการวิจัยทางธุรกิจ8) การจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนที่ 4 วิชาหมวดเฉพาะสำหรับการจัดการ ได้แก่1) การจัดการทุนมนุษย์2) โอกาสทางธุรกิจและนวัตกรรม3) ประเด็นสำคัญในปัจจุบันและกรณีศึกษาทางการจัดการองค์การ4) การจัดการธุรกิจระหว่างประเทศสำหรับการตลาด ได้แก่- พฤติกรรมผู้บริโภค- การวิจัยการตลาดหรือการจัดการผลิตภัณฑ์และราคาหรือการตลาดระหว่างประเทศ- การสื่อสารการตลาดเชิงบรูณาการและ- ประเด็นสำคัญในปัจจุบันทางการตลาดส่วนที่ 5 หมวดวิชาศึกษาความรู้ด้วยตนเอง ได้แก่ การศึกษาค้นคว้าอิสระ (Independent Study : IS)ส่วนที่ 6 การสอบประมวลความรู้ ได้แก่ การสอบประมวลความรู้ (Comprehensive) ทั้งข้อเขียนและปากเปล่า |
ในแต่ล่ะส่วนมีความสำคัญกันอย่างไร |
1. วิชาเสริมความรู้ มีความสำคัญเพื่อสร้างคุณภาพพื้นฐานของบัณฑิตด้วยวิชาเสริมความรู้2. วิชาปรับพื้นฐาน มีความสำคัญเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาในหลักสูตรด้วยวิชาปรับพื้นฐาน3. วิชาแกนบังคับ มีความสำคัญเพื่อเป็นแกนสำคัญในการจัดการธุรกิจด้วยวิชาแกนทางธุรกิจ4. วิชาเฉพาะ1) กลุ่มวิชาการจัดการ มีความสำคัญเพื่อให้เป็น “CEO” ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการธุรกิจอย่างมีวิสัยทัศน์และสร้างสรรค์ ด้วยวิชาเฉพาะ CEOs2) กลุ่มวิชาการตลาด มีความสำคัญเพื่อให้เป็น “กูรูการตลาด” ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการทางการตลาดอย่างมีวิสัยทัศน์และสร้างสรรค์ด้วยวิชาเฉพาะ CMOs5. วิชาศึกษาค้นคว้าความรู้ด้วยตนเอง มีความสำคัญเพื่อให้นักศึกษาสามารถนำความรู้ที่เกี่ยวข้องมาใช้กับการบริหารธุรกิจที่นักศึกษาต้องการได้6. วิชาประมวลความรู้ มีความสำคัญเพื่อให้นักศึกษาสามารถบูรณาการองค์ความรู้ในหลักสูตรมาประยุกต์ใช้กับการบริหารทางธุรกิจหรือการทำงานได้ |
ในแต่ละส่วนมุ่งหวังผลอย่างไร |
ในแต่ล่ะส่วนของหลักสูตรจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันโดยมีเป้าหมายสำหรับผู้ที่จะสำเร็จการศึกษาจะได้รับ “คุณค่าผลลัพธ์” ดังนี้1. กลุ่มวิชาการจัดการ จะได้รับคุณค่าผลลัพธ์ “เป็นผู้บริหาร CEOs” ที่มีวิสัยทัศน์และมีอาวุธทางการตลาดเสริมศักยภาพในการจัดการ2. กลุ่มวิชาการตลาด จะได้รับคุณค่าผลลัพธ์ “เป็นกูรูการตลาด” ที่ดีมีวิสัยทัศน์ในการมองหาโอกาสและมีการวางแผนกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน |
การรับสมัครนักศึกษาต่อกลุ่มมากน้อยแค่ไหน |
กลุ่มละประมาณ 20 คน เพื่อทางโครงการจะดูแลนักศึกษาได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง |
ทางโครงการฯ มีอะไรที่จะฝากให้กับผู้ที่สนใจ |
1. สำหรับผู้ที่สนใจที่จะเข้าศึกษาของโครงการ M.B.A. for CEOs และ CMOs ทางโครงการมีความมุ่งมั่นที่จะหล่อหลอมให้นักศึกษามีแนวคิดและมีความชำนาญในการนำทฤษฏีและความรู้ไปประยุกต์ใช้กับการบริหารธุรกิจทางด้าน" การจัดการ" และ "การตลาด" ซึ่งทั้ง 2 ด้านนี้ มีความสำคัญต่อธุรกิจ2. ทางโครงการฯ ยังเน้นถึงความมีสายสัมพันธ์ หรือ Connection ระหว่างนักศึกษาปัจจุบันกับศิษย์เก่าของโครงการฯ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมด้านธุรกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี3. ทางโครงการฯ ได้ร่วมมือกับทางสมาคมบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต รามคำแหง เพื่อให้บริการทางด้าน "CEOs และ CMOs คลินิก" เพื่อให้คำปรึกษาทางธุรกิจแก่ผู้ที่สนใจ |